วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ภูมิปัญญาไทย

ภูมิปัญญาไทย
ความหมาย ความรู้ ความสามารถ วิธีการ ผลงานที่คนไทยได้ค้นคว้า รวบรวม และจัดเก็บเป็นความรู้ ถ่ายทอดปรับปรุงจากคนรุ่นหนึ่งมาสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง จนเกิดเป็นผลผลิตที่ดีงาม งดงาม มีคุณค่ามีประโยชน์ สามารถนำมาแก้ปัญหาและพัฒนาชีวิตได้ ในแต่ละท้องถิ่นจะมีบุคคลผู้มีความรู้ความสามารถที่เรียนรู้มาจากบรรพบุรุษ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายหรือผู้รู้ในท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งความรู้เหล่านี้เป็นความรู้ที่มีคุณธรรม สอนให้คนพึ่งพาธรรมชาติ โดยไม่ทำลายธรรมชาติ และสอนให้รู้จักเอื้ออาทรต่อคนอื่น
ตัวอย่างภูมิปัญญาไทยที่ควรรู้
  • ด้านภาษา และวรรณธรรม ได้แก่ สุภาษิต คำพังเพย เพลงพื้นบ้าน ปริศนาคำทายต่างๆ
  • ด้านประเพณี ได้แก่ กิจกรรมที่เป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว ชุมชน โดยการแสดงออกทางประเพณีพื้นบ้าน การละเล่นพื้นบ้านในท้องถิ่นต่างๆ เช่น การรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ การทำบุญในวันสำคัญทางศาสนา ประเพณีวันลอยกระทง วันเข้าพรรษา วันสงกรานต์ การละเล่นพื้นบ้านในแต่ละท้องถิ่น เช่น การระบำรำฟ้อนประเภทต่างๆ เซิ้ง กลองยาว เพลงอีแซว หมอลำ มโนราห์ ซึ่งแต่ละท้องถิ่นจะมีความแตกต่างกัน
  • ด้านศิลปวัตถุและศิลปกรรม ได้แก่ จิตรกรรมฝาผนังตามวัดต่างๆ การทำเครื่องปั้นดินเผาไปแกะสลัก หนังตะลุง เป็นต้น
  • ด้านการแต่งกาย ได้แก่ การทอผ้าไหม ทอผ้าฝ้าย ซึ่งในแต่ละท้องถิ่นจะมีลักษณะและความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละท้องถิ่น
  • ด้านอาหาร ได้แก่ การจัดประดับตกแต่งอาหารให้มีความสวยงาม ด้วยการแกะสลักด้วยความประณีต การจัดเลี้ยงอาหารแบบขันโตกของทางเหนือ ด้านอาหารที่ขึ้นชื่อของไทย คือ ต้มยำกุ้ง ผัดไทย แกงเลียง ข้าวยำปักษ์ใต้ ข้าวซอย ส้มตำ เป็นต้น
  • ด้านเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำมาหากิน ได้แก่ การทำระหัดน้ำ การประดิษฐ์กระเดื่องสำหรับตำข้าว การทำเครื่องมือจับสัตว์ เช่น แห อวน ยอ เป็นต้น
  • ด้านที่อยู่อาศัย ได้แก่ การคิดรูปแบบและวัสดุที่ใช้ในการสร้างบ้านที่สัมพันธ์กับลักษณะภูมิประเทศ และลักษณะภูมิอากาศ เช่น รูปแบบบ้านทรงไทยโบราณ ซึ่งมีใต้ถุนสูง และหลังคามีหน้าจั่วสูง ซึ่งเหมาะกับภูมิอากาศในประเทศไทย เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
  • ด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย ได้แก่ การคิดค้นนำส่วนต่างๆ ของพืชสมุนไพร นอกจากมาเป็นอาหารแล้ว ยังนำมาใชสกัดเป็นยารักษาโรค เช่น ขิง กระชายดำ พริกไทย เป็นต้น นอกจากนี้พืชสมุนไพรยังนำมาใช้เป็นยาฆ่าแมลง เช่น เปลือก ใบและผลสะเดา ตะไคร้หอม นอกจากนี้การแพทย์แผนไทยแต่ดั้งเดิมมามีการนวดจุดเพื่อรักษาโรคต่างๆ หรือแม้แต่ท่าฤาษีดัดตน เพื่อรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เป็นต้น
 
   ภูมิปัญญาไทยกับการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
ความสามารถในการจัดการป้องกันและรักษาสุขภาพของคนในชุมชน โดยเน้นให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองทางด้านสุขภาพและอนามัยได้ 



 การแพทย์แผนไทยกับการสร้างเสริมสุขภาพแะการป้องกันโรค
  
การแพทย์แผนไทย เป็นการรวมศาสตร์เกี่ยวกับบำบัดโรค ทั้งการใช้ยาสมุนไพร หัตถบำบัด การรักษากระดูกและโครงสร้าง โดยอิงกับความ เชื่อทางสังคม วัฒนธรรม และธรรมชาติ เป็นความรู้ที่ไม่มีเกณฑ์ตายตัว ขึ้นอยู่กับหมอรักษาวิธีใดได้ผลก็ใช้วิธีนั้นสืบต่อกันมา
        ยาไทยมาจากส่วนผสม 4 ประเภท คือ พืชวัตถุ สัตว์วัตถุ ธาตุวัตถุ เช่น เกลือสมุทร กำมะถัน ทองคำ ดินปะสิว และจุลชีพ เช่น เห็ด รา โดยแพทย์หรือผู้จ่ายยาต้องรู้ลักษณะ สี กลิ่น รส ชื่อของสิ่งที่นำมาใช้ ประเภทและอาการของโรคอย่างดีก่อนจึงจะนำมาใช้ได้ นอกจากนี้วิธีการปรุงยาก็มีหลายวิธีด้วยกันตามรูปแบบของยา เช่น กิน อาบ ดื่ม พอก หรือแช่ เป็นต้น



วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

โครงการสร้างเสริมสุขภาพชุมชนและสังคม


ชื่อโครงการ:ครงการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชน
หลักการ: บุคคลซึ่งมีอายุ เกินหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีสัญชาติไทย
ผู้สูงอายุบางคนยังแข็งแรงประกอบอาชีพได้ ในขณะที่บางคนมีโรคภัยไข้เจ็บมารบกวน เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ เป็นต้น ซึ่งโรคภัยเหล่านี้ทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพหาเลี้ยงตนเองได้ นอกจากโรคต่างๆแล้ว ผู้สูงอายุบางคนยังถูกลูกหลานทอดทิ้ง ให้อยู่คนเดียว ไม่มีใครสนใจ ดูแล ทำให้ผู้สูงอายุเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งนับวัน ผู้สูงอายุเหล่านี้จะมีเพิ่มมากขึ้น สถานสงเคราะห์คนชราต่างๆที่จัดตั้งขึ้นก็ไม่เพียงพอที่จะรองรับ หรือเพียงพอก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดที่ใช้ในการช่วยเหลือผู้สูงอายุ เหล่านั้น ทางออกที่ดีที่สุดในการช่วยเหลือ คือ ลูกหลานจะต้องหันมาเอาใจใส่ดูแลผู้สูงอายุ ในครอบครัวของตนให้มากขึ้น รวมทั้งชุมชนก็จะต้องให้ความช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุในชุมชนของตนเองด้วย เช่นเดียวกัน
วัตถุประสงค์ 
1.       เพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้สูงอายุในชุมชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคม ชุมชนได้อย่างปกติ
2. เพื่อตรวจรักษาสุขภาพร่างกายของผู้สูงอายุ
3. เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้สูงอายุ
4. เพื่อพูดคุยให้คำปรึกษาแก่ผู้สูงอายุ
5. เพื่อฝึกอาชีพให้แก่ผู้สูงอายุที่สนใจ

 กลุ่มเป้าหมาย
ผู้สูงอายุทั้งหมดในชุมชนจำนวน ประมาณ 100 คน

วิธีดำเนินการ
1. ศึกษาปัญหาความต้องการของผู้สูงอายุในชุมชน
- ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพ
จำนวน 150 คน
2. รวบรวมปัญหาและนำมาวิเคราะห์ ถึงความต้องการของผู้สูงอายุ
3. จัดทำโครงการเสนอ องค์การบริหารส่วนตำบลบางบ่อ
4. ติดต่อสถานที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
หน่วย มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติบริการชุมชน ของ
มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
แพทย์ พยาบาล สถานีอนามัย ตำบล บางบ่อ
นักสังคมสงเคราะห์ เช่น อาจารย์จาก คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
หน่วยงานฝึกอาชีพ เช่น โรงเรียนเทคนิคกาญจนาภิเษก
หน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ระยะเวลาดำเนินการ
จัดโครงการเสริมสร้างสุขภาพผู้สูงอายุ 2 เดือน/ 1 ครั้ง

สถานที่ดำเนินการ
สวนสาธารณะในชุมชน

งบประมาณ
งบประมาณจากเงินส่วนกลางในชุมชน

ผลที่คาดหวังจะได้รับ
1.การให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป
2. การให้คำแนะนำในการดูแลตนเองเกี่ยวกับโรคต่างๆแก่ผู้สูงอายุ
3. การให้บริการให้คำปรึกษาพูดคุย
4. การให้บริการฝึกอาชีพแก่ผู้สูงอายุที่สนใจ
5.ติดตามและประเมินผล การจัดโครงการเสริมสร้างสุขภาพผู้สูงอายุ

ผู้รับผิดชอบโครงการ
องค์การบริหารส่วนตำบลและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การเต้นรำจังหวะบีกิน

การเต้นรำจังหวะบีกิน
          
         บีกินเป็นจังหวะลีลาศประเภทเบ็ดเตล็ด (POP AND SOCIAL DANCES) ที่ปัจจุบันนิยมเต้นกันเฉพาะงานสังคมลีลาศทั่ว ๆ ไปในประเทศไทย ไม่นิยมเต้นกันในต่างประเทศ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าคนไทยเรานิยมเต้นรำจังหวะบีกินมาตั้งแต่เมื่อไร เท่าที่พอจะทราบได้คือ ในช่วงเวลาที่ครูอัตถ์ พึ่งประยูร บรมครูสอนลีลาศคนหนึ่งของไทยที่เต้นรำมาตั้งแต่ พ.ศ. 2492 หรือ 2493 นั้นก็มีการเต้นรำจังหวะบีกินกันแล้ว โดยเข้าใจกันว่าชาวฟิลิปปินส์ที่มาเล่นดนตรีในเมืองไทยเป็นผู้แนะนำ
ดนตรีและการนับจังหวะ
- ดนตรีของจังหวะบีกินเป็นแบบ 4/4 คือ มี 4 จังหวะใน 1 ห้องเพลง โดยที่สามจังหวะแรกจะเป็นเสียงหนัก และจังหวะที่สี่จะเป็นเสียงเบา และทุก ๆ จังหวะจะมีความเร็วช้าเท่ากันหมด
- การนับจังหวะจะนับ 1,2,3, พัก, 1,2,3,พัก (พัก หมายถึง พักเข่าหรืองอเข่า) ต่อเนื่องกันไป และก้าวที่ 1 ตรงกับจังหวะที่ 1 ของห้องเพลง
- ความเร็วช้าของจังหวะดนตรี
ดนตรีของจังหวะบีกินบรรเลงด้วยความเร็วประมาณ 28
32 ห้องเพลงต่อนาที
- การจับคู่
การจับคู่เป็นแบบปิดของละตินอเมริกันโดยทั่วไป
- การก้าวเท้า
การก้าวเท้าทุก ๆ ก้าวไม่ว่าจะเป็นการเดินไปข้างหน้าหรือถอยหลังก็ตามต้องให้ฝ่าเท้าถึงพื้นก่อนเสมอ แล้วจึงราบลงเต็มเท้า ในขณะที่เดินเข่าจะงอเล็กน้อยเมื่อยกเท้าก้าวไป และตึงเมื่อวางเท้าถึงพื้นและราบเท้าลง เมื่อรับน้ำหนักตัวเต็มที่ หลักการก้าวเท้า คือ เข่าจะงอข้างหนึ่ง และตั้งข้างหนึ่งสลับกันไปมา ซึ่งจะทำให้สะโพกบิดไปมาอย่างเป็นธรรมชาติและสวยงาม ส่วนลำตัวตึงแต่เอวถึงศีรษะตรงและนิ่ง อย่าแกว่งตัวไปมา เพราะจะทำให้ไม่น่าดู
- ทักษะการเต้นรำจังหวะบีกิน
1.
 สแควร์ (Square)
2.
 การไขว้
3.
 การหมุน
- สแควร์ ของฝ่ายชาย ประกอบด้วยการเดิน ดังนี้
เริ่มต้นด้วยการยืนจับคู่แบบปิด หันหน้าตามแนวเต้นรำ น้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าขวา

ก้าวที่
การก้าวเท้า
จังหวะ
1
ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าตรง ๆ
1
2
ก้าวเท้าขวาผ่านเท้าซ้ายไปข้างหน้า
2
3
ก้าวเท้าซ้ายผ่านเท้าขวาไปข้างหน้า
3

พัก งอเข่าขวา
พัก
4
ถอยเท้าขวาไปข้างหลังตรง ๆ
1
5
ถอยเท้าซ้ายผ่านเท้าขวาไปข้างหลัง
2
6
ถอยเท้าขวาผ่านเท้าซ้ายไปข้างหลัง
3
 
พัก งอเข่าซ้าย
พัก














1) การเดินไปข้างหน้าหรือถอยหลัง 3 ก้าวนี้เรียกว่า 1 วอล์ค ส่วนจังหวะที่ 4 นั้นจะงอเข่าโดยการเปิดส้นเท้าขึ้นและจะใช้เท้าที่พักนี้เดินเป็นก้าวที่ 1 ในห้องเพลงต่อไป ดังนั้นการก้าวเท้าจะไม่ใช้เท้าซ้ำกันเลย
 2)
 ในการฝึกอาจจะฝึกเดินไปข้างหน้าหรือถอยหลังติดต่อกันหลายๆ ห้องเพลงเพื่อหาความชำนาญในการก้าวเท้าให้ตรงกับจังหวะดนตรีก็ได้


- สแควร์ ของฝ่ายหญิง ประกอบด้วยการเดิน ดังนี้
เริ่มต้นด้วยการยืนจับคู่แบบปิด หันหน้าย้อนแนวเต้นรำ น้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าซ้าย
ก้าวที่
การก้าวเท้า
จังหวะ
1
ก้าวเท้าขวาไปข้างหลังตรง ๆ
1
2
ถอยเท้าซ้ายผ่านเท้าขวาไปข้างหลัง
2
3
ถอยเท้าขวาผ่านเท้าซ้ายไปข้างหลัง
3

พัก งอเข่าซ้าย
พัก
4
ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าตรง ๆ
1
5
ก้าวเท้าขวาผ่านเท้าซ้ายไปข้างหน้า
2
6
ก้าวเท้าซ้ายผ่านเท้าขวาไปข้างหน้า
3
 
พัก งอเข่าขวา
พัก
















1) การเดินไปข้างหน้าหรือถอยหลัง 3 ก้าวนี้เรียกว่า 1 วอล์ค ส่วนจังหวะที่ 4 นั้นจะงอเข่าโดยการเปิดส้นเท้าขึ้นและจะใช้เท้าที่พักนี้เดินเป็นก้าวที่ 1 ในห้องเพลงต่อไป ดังนั้นการก้าวเท้าจะไม่ใช้เท้าซ้ำกันเลย
2)
 ในการฝึกอาจจะฝึกเดินไปข้างหน้าหรือถอยหลังติดต่อกันหลายๆ ห้องเพลงเพื่อหาความชำนาญในการก้าวเท้าให้ตรงกับจังหวะดนตรีก็ได้





- การไขว้ ของฝ่ายชายประกอบด้วยการเดิน  ดังนี้
เริ่มต้นด้วยการยืนจับคู่แบบปิด หันหน้าตามแนวเต้นรำ น้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าขวา  

ก้าวที่
การก้าวเท้า
จังหวะ
1
ก้าวเท้าซ้ายผ่านเท้าขวาไปทางขวา
1
2
ก้าวเท้าขวาตามไปทางขวา
2
3
ถอยเท้าซ้ายผ่านส้นเท้าขวาไปทางขวา อีก 1 ก้าว
3

พัก  งอเข่าขวา
พัก
4
ยกเท้าขวาย่ำอยู่ที่เดิม
1
5
ก้าวเท้าซ้ายไปทางซ้าย
2
6
ถอยเท้าขวาผ่านส้นเท้าซ้ายไปทางซ้าย
3
 
พัก งอเข่าซ้าย
พัก












- การไขว้ ของฝ่ายหญิงประกอบด้วยการเดิน 3 ก้าว ดังนี้
เริ่มต้นด้วยการยืนจับคู่แบบปิด หันหน้าย้อนแนวเต้นรำ น้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าซ้าย
ก้าวที่
การก้าวเท้า
จังหวะ
1
ถอยเท้าขวาผ่านส้นเท้าซ้ายไปทางซ้าย
1
2
ก้าวเท้าซ้ายตามไปทางซ้าย
2
3
ก้าวเท้าขวาผ่านเท้าซ้ายไปทางซ้าย อีก 1 ก้าว
3

พัก งอเข่าซ้าย
พัก
4
ยกเท้าซ้ายย่ำอยู่ที่เดิม
1
5
ก้าวเท้าขวาผ่านเท้าซ้ายไปทางขวา
2
6
ก้าวเท้าซ้ายผ่านเท้าขวาไปทางขวา
3
 
พัก งอเข่าขวา
พัก















- การหมุนของฝ่ายชายประกอบด้วยการเดิน 3 ก้าวดังนี้
เริ่มต้นด้วยการยืนหันหน้าไปทางเดียวกัน มือซ้ายจับมือขวาของผู้หญิง น้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าขวา 
ก้าวที่
การก้าวเท้า
จังหวะ
1
ก้าวเท้าซ้ายหมุนตัวไปทางซ้าย 1/8 รอบพร้อมกับยกมือซ้ายขึ้นสูงเหนือศีรษะผู้หญิง
1
2
หมุนตัวไปทางซ้ายอีก 1/8 รอบพร้อมกับก้าวเท้าขวาไปข้างหน้ายังคงยกมือซ้ายอยู่
2
3
หมุนตัวไปทางซ้ายอีก 1/4 รอบพร้อมกับก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า จบก้าวนี้แล้วลดมือซ้ายลง หันหน้าตรงกัน
3
พัก
งอเข่าขวา
พัก

**จบแล้วต่อด้วย สแควร์ ถอยหลัง 3 ก้าว (ขวา-ซ้าย-ขวา) และจับคู่แบบปิดตามเดิม**

- การหมุนของฝ่ายหญิงประกอบด้วยการเดิน 3 ก้าวดังนี้
เริ่มต้นด้วยการยืนหันหน้าไปทางเดียวกัน มือขวาจับมือซ้ายของผู้ชาย น้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าซ้าย
ก้าวที่
การก้าวเท้า                                              
จังหวะ
1
ยกมือขวาขึ้นสูงเหนือศีรษะและหมุนตัวไปทางขวา 3/8 รอบ (หันหน้าเข้าหาคู่ แต่ตัวเหลื่อมกัน) พร้อมกับก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า
1
2
หมุนตัวไปทางขวาอีก 3/8 รอบพร้อมกับก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า
2
3
หมุนตัวไปทางขวาอีก 1/2 รอบพร้อมกับถอยเท้าขวาไปข้างหลัง จบก้าวนี้แล้วลดมือขวาลง หันหน้าตรงกับคู่
3
พัก
งอเข่าซ้าย
พัก

**จบแล้วต่อด้วย สแควร์ ไปข้างหน้า 3 ก้าว (ซ้าย-ขวา-ซ้าย) และจับคู่แบบปิดตามเดิม**




                          การเต้นรำจังหวะช่ะ ช่ะ ช่า
            ในบรรดาจังหวะเต้นรำแบบละตินอเมริกันที่มีอยู่ด้วยกัน 5 จังหวะนั้น ช่ะ ช่ะ ช่า เป็นจังหวะเต้นรำที่มีกำเนิดหลังสุด กล่าวคือเป็นจังหวะที่รับการพัฒนามาจากจังหวะแมมโบ้ ( MAMBO) ซึ่งในอดีตเรียกชื่อจังหวะนี้เต็มๆ ว่า แมมโบ้ ช่ะ ช่ะ ช่า ต้นกำเนิดมาจากคิวบันการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากอิทธิพลของดนตรีที่พัฒนาไป ทำให้การเต้นรำพัฒนาตามไปด้วย
            ต้นกำเนิดของ ช่ะ ช่ะ ช่า เริ่มในปี ค.ศ. 1950 ขณะที่ดนตรีของคิวบันได้รับความนิยมอยู่ในอังกฤษนั้นได้มีเพลงจังหวะสวิง ( SWING) ซึ่งเกิดใหม่และนิยมกันมากเข้ามามีบทบาทแทรกแซงผสมผสานกับดนตรีของคิวบัน ทำให้เพลงของคิวบันที่เคยมีลักษณะนุ่มนวลเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้น เครื่องดนตรีที่ใช้เคาะจังหวะเริ่มเล่นพลิกแพลงผิดเพี้ยนออกไป เริ่มเคาะให้ไม่ลงจังหวะ ( OFF BEAT) สไตล์ของดนตรีที่พัฒนามานี้จึงได้ชื่อว่า แมมโบ้ และมีการสาธิตเต้นรำจังหวะแมมโบ้ ในการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับการเต้นรำ แบบบอลรูมที่แบลคพูลประเทศอังกฤษ ( INTERNATIONAL DANCE CONGRESS IN BLACKPOLL) รูปแบบการเต้นแมมโบ้พื้นฐานก็คือ ก้าวออกไปข้างหน้า 1 ก้าว แล้วถอยกลับ 2 ก้าว จากนั้นถอยหลัง 1 ก้าว แล้วก้าวไปข้างหน้า 2 ก้าว (ก้าวที่ 2 ย้ำอยู่กับที่) แมมโบ้ได้รับความนิยม ทั้งเพลงและการเต้นอย่างมากในอเมริกาและยุโรป ต่อมาแมมโบ้ได้พัฒนาจากที่เคยเร็วให้ช้าลงสำหรับการเต้นจากแมมโบ้ที่เคยเต้นเดินหน้า 3 ก้าวและถอยหลัง 3 ก้าวก็เพิ่มการชิดเท้าไล่กันไปข้างหน้า 2 ก้าว และชิดเท้าไล่กันไปข้างหลัง 2 ก้าว ซึ่งเป็นรูปแบบของ ช่ะ ช่ะ ช่า ในปัจจุบันที่ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก
            การเต้นรำจังหวะ ช่ะ ช่ะ ช่า นี้ได้เข้ามาสู่ประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2498 โดยชาวฟิลิปปินส์ ชื่อ มิสเตอร์เออร์นี่ นักดนตรีของวง ซีซ่า วาเลสโก ได้นำลีลาการเต้น ช่ะ ช่ะ ช่า และการเขย่ามาลากัส (ลูกแซ็ก) มาประกอบเพลงเข้าไปด้วย ซึ่งลีลาการเต้นนี้เป็นที่ประทับใจบรรดานักเต้นรำและครูสอนลีลาศทั้งหลาย จึงได้ขอให้มิสเตอร์เออร์นี่สอนให้ การเต้น ช่ะ ช่ะ ช่า ตามแบบของมิสเตอร์เออร์นี่จึงถูกถ่ายทอดและมีอิทธิพลมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าในภายหลังได้มีการนำรูปแบบการเต้นที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากลเข้ามาแทนที่แล้วก็ตาม

ดนตรีและการนับจังหวะ
 - ดนตรีของจังหวะ ช่ะ ช่ะ ช่า มีท่วงทำนองที่สนุกสนานเร้าใจ และมีจังหวะเน้นเด่นชัดดนตรีจะเป็นแบบ 4/4 เหมือนกับจังหวะคิวบ้ารัมบ้า คือ ใน 1 ห้องมี 4 จังหวะ
 - การนับจังหวะสามารถนับได้หลายวิธี เช่น หนึ่ง- สอง สามสี่ ห้า หรือ หนึ่ง สอง ช่ะ ช่ะ ช่า หรือนับก้าวจนครบตามจำนวนลวดลายพื้นฐาน หรือนับตามหลักสากลคือ นับตามจังหวะของดนตรี คือ สอง สาม สี่ และ หนึ่ง โดยที่ก้าวแรกตรงกับจังหวะที่ 2 ของห้องเพลง
ความเร็วช้าของจังหวะดนตรี
ดนตรีของจังหวะ ช่ะ ช่ะ ช่า บรรเลงด้วยความเร็วมาตรฐาน 32 ห้องเพลงต่อนาที (30 40 ห้องเพลงต่อนาที)
การจับคู่เต้นรำในจังหวะ ช่ะ ช่ะ ช่า เป็นการจับคู่แบบละตินอเมริกันโดยทั่วไปคือแบบปิด (มือขวาของชายวางบริเวณสะบักของผู้หญิง) การจับคู่นี้ไม่ได้จับอยู่เช่นนี้ตลอดเวลาแต่จะเปลี่ยนไปตามท่าเต้นซึ่งอาจจะต้องจับกันด้วยมือข้างเดียว หรืออาจปล่อยมือที่จับกันอยู่ทั้งสองข้างก็ได้
 
การก้าวเท้า
          การก้าวเท้าในจังหวะ ช่ะ ช่ะ ช่า ไม่ว่าจะเป็นการก้าวเท้าไปข้างหน้าหรือถอยหลัง จะต้องให้  ฝ่าเท้า ( BALL OF FOOT) สัมผัสพื้นก่อนเสมอแล้วจึงราบลงเต็มเท้า การเต้นรำในจังหวะนี้จึงมีการใช้ฝ่าเท้ามากที่สุด และการใช้ตาต้องให้สัมพันธ์กับเข่า เพราะเมื่อมีการก้าวเท้าเข่าจะต้องงอเล็กน้อย หลังจากราบลงเต็มเท้าแล้วเข่าจึงตึง ส่วนเข่าอีกข้างก็จะงอเพื่อเตรียมก้าวต่อไป กล่าวได้ว่าตลอดเวลาของการใช้เท้านั้น เมื่อน้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าใดส้นเท้านั้นจะต้องลดลง ดังนั้น จึงมีการสับเปลี่ยนการตึงและงอของช่วงขา พร้อมทั้งการลดลงและยกขึ้นของส้นเท้าสลับกันตามลำดับ ซึ่งการปฏิบัติในลักษณะนี้ทำให้สะโพกบิดไปมาสวยงามตามแบบการเต้นละตินอเมริกัน แต่ต้องระวังอย่าให้เป็นการจงใจทำเกินไปเพราะจะทำให้เกิดภาพที่ไม่น่าดูได้
          อย่างไรก็ตามในการฝึกระยะแรกไม่ควรกังวลเกี่ยวกับการใช้ ขา เข่า และเท้ามากนัก ควรฝึกฝนลวดลายการเต้นให้ถูกต้องตามจังหวะของดนตรีเสียก่อนจนเกิดความชำนาญ แล้วจึงค่อยกลับมาฝึกฝนการก้าวเท้าเพื่อให้เกิดความสวยงามในภายหลัง
ทักษะการเต้นรำจังหวะ ช่ะ ช่ะ ช่า
1.
 สแควร์ (Square)
2.
 การไขว้
3.
 การหมุน
ก้าวที่
การก้าวเท้า
จังหวะ
1
ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า
2
2
ถ่ายน้ำหนักตัวกลับมาที่เท้าขวา
3
3
ถอยเท้าซ้ายแยกออกข้างเยื้องไปข้างหลังพร้อมกับหมุนตัวไปทางซ้ายเล็กน้อย
4
4
ถอยเท้าขวาเข้ามาใกล้เท้าซ้ายครึ่งก้าว และ

5
ถอยเท้าซ้ายแยกออกข้างเยื้องไปข้างหลังครึ่งก้าว
1
6
ถอยเท้าขวาไปข้างหลังตรงๆ
2
7
ถ่ายน้ำหนักตัวกลับมาที่เท้าซ้าย
3
8
ก้าวเท้าขวาแยกออกข้างเยื้องไปข้างหน้าพร้อมกับหมุนตัวไปทางซ้ายเล็กน้อย
4
9
ก้าวเท้าซ้ายเข้ามาใกล้เท้าขวาครึ่งก้าว และ

10
ก้าวเท้าขวาแยกออกข้างเยื้องไปข้างหน้าครึ่งก้าว
1
 

ก้าวที่
การก้าวเท้า
จังหวะ
1
ถอยเท้าขวาไปข้างหลังตรง
2
2
ถ่ายน้ำหนักตัวกลับมาที่เท้าซ้าย
3
3
ก้าวเท้าขวาแยกออกข้างเยื้องไปข้างหน้าพร้อมกับหมุนตัวไปทางซ้ายเล็กน้อย
4
4
ก้าวเท้าซ้ายเข้ามาใกล้เท้าขวาครึ่งก้าว และ

5
ก้าวเท้าขวาแยกออกข้างเยื้องไปข้างหน้าครึ่งก้าว
1
6
ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าตรง ๆ
2
7
ถ่ายน้ำหนักตัวกลับมาที่เท้าขวา
3
8
ถอยเท้าซ้ายแยกออกข้างเยื้องไปข้างหลังพร้อมกับหมุนตัวไปทางซ้ายเล็กน้อย
4
9
ถอยเท้าขวาเข้ามาใกล้เท้าซ้ายครึ่งก้าว และ

10
ถอยเท้าซ้ายออกข้างเยื้องไปข้างหลังครึ่งก้าว
1



































การไขว้ ของฝ่ายชายประกอบด้วยการเดิน 10 ก้าว ดังนี้
ท่าเริ่มต้น : เริ่มต้นด้วยการยืนจับคู่แบบปิด
ก้าวที่
การก้าวเท้า
จังหวะ
1
ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าตรง ๆ พร้อมกับเหยียดแขนซ้ายออกไปเพื่อนำให้ผู้หญิงถอยเท้าขวา
2
2
ถ่ายน้ำหนักตัวกลับมาที่เท้าขวา พร้อมกับนำผู้หญิงเดินหน้าด้วยการงอแขนซ้ายทีละน้อยจนจบก้าวที่ 5
3
3
ถอยเท้าซ้ายมาวางข้าง ๆ เท้าขวา ยังคงนำผู้หญิงเดินเข้าหาด้านข้างตัว
4
4
ก้าวเท้าขวามาชิดซ้าย ยังคงนำผู้หญิงเดินเข้าหาด้านข้างตัว และ

5
ก้าวเท้าซ้ายแยกออกข้าง ๆ เตรียมยกมือซ้ายขึ้นเพื่อนำให้ผู้หญิงหมุนตัวไปทางขวา
1
6
ถอยเท้าขวามาข้างหลังตรง ๆ ยกมือซ้ายขึ้นเพื่อนำให้ผู้หญิงหมุนตัวไปทางขวา
2
7
ถ่ายน้ำหนักตัวกลับมาที่เท้าซ้าย ยังคงนำผู้หญิงให้หมุนอยู่
3
8
ก้าวเท้าขวามาวางข้าง ๆ เท้าซ้าย ยังคงนำผู้หญิงให้หมุนอยู่
4
9
ก้าวเท้าซ้ายเข้ามาใกล้เท้าขวาครึ่งก้าว และ

10
ก้าวเท้าขวาแยกออกข้าง ๆ ครึ่งก้าว
1
























การหมุน
การหมุนเป็นการเต้นรำที่มีการปล่อยมือออกจากคู่หมุนตัวอยู่กับที่ 1 รอบ ไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้ โดยใช้การหมุนตัว 2 ก้าวแล้วชิดเท้าไล่กันอีก 3 ก้าว (แชสเซ่) ไปทางข้างๆ การหมุนจึงมีการเต้นอยู่ 2 แบบ คือ
            หมุนตัวไปทางซ้าย ( SPOT TURN TO LEFT)  หมุนตัวไปทางขวา ( SPOT TURN TO RIGHT) การหมุนนี้จะเต้นพร้อมกันทั้งคู่ คือถ้าผู้ชายหมุนตัวไปทางซ้าย ผู้หญิงก็คือหมุนตัวไปทางขวา(หมุนตัวตรงข้ามกัน) หรือผลัดกันทำคนละครั้งก็ได้ คือถ้าผู้ชายหมุนตัวไปทางขวาในก้าวที่ 1 5 ผู้หญิงจะเต้นไทม์ สเต็ป โดยถอยเท้าขวาไปข้างหลังและผู้ชายเต้นไทม์ สเต็ป ในก้าวที่ 6 10 ผู้หญิงจะต้องหมุนตัวไปทางขวาสลับกันไป การหมุนตัวไปทางซ้ายก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน
·         การหมุนไปทางขวาประกอบด้วยการเดิน 5 ก้าว ดังนี้
·         การหมุนไปทางซ้ายประกอบด้วยการเดิน 5 ก้าว ดังนี้